“สารแต่ละกลุ่มมีค่าความเป็นกรด-ด่าง ต่างกัน มีความสามารถในการละลายและออกฤทธิ์ได้ดีในตัวทำละลายเฉพาะตัว การนำมารวมกันไว้ใน หนึ่งเดียวจึงไม่น่าเป็นไปได้ โดยเฉพาะกับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวขาวที่ใช้กับใบหน้าที่มีโอกาสแพ้ระคายเคืองได้สูงกว่าผิวตัว”
เนื่องจากปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ป้องกันริ้วรอย ครีมทาผิวขาว ออกมาให้เลือกใช้ เพื่อดูแลผิว ให้ผิวสวยใสมากมายจนเลือกไม่ถูก ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรกันแน่..ตัวไหนดีกว่ากัน ลองมาฟังทางนี้ค่ะ
ตัวการร้ายสุดท้ายที่ทำให้สาวๆ มีผิวหน้าหมองคล้ำคือ ความเครียด ดื่มน้ำน้อยและพักผ่อนไม่เพียงพอ อาจทำให้มีอาการปวดศีรษะ ไม่มีสมาธิ ผิวหน้าหมองคล้ำ และเกิดสิวได้ง่าย การดูแลผิวหน้าอย่างถูกวิธีและตรงกับปัญหา จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยให้ผิวกลับมาสุขภาพดีและกลับมา เรียบเนียน กระจ่างใสขึ้นอีกครั้ง
จริงๆแล้วผลิตภัณฑ์ดูแลผิวขาวแบ่งเป็น 6 กลุ่มหลักๆ คือ
กลุ่มแรก ช่วยปกป้องแสงแดด รังสียูวี
กลุ่มที่ 2 ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เร่งการผลัดเซลล์ผิว เช่น พวกอนุพันธ์วิตามินเอ เรตินอล (Retinol), วิตามินซี, โปรตีนเปปไทด์ (Peptide), AHA, BHA
กลุ่มที่ 3 ต่อต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี โคเอนไซม์ คิว10 (Co-enzyme Q10), สารสกัดจากต้นสน, สารสกัดจากขมิ้น
กลุ่มที่ 4 สารที่ทำให้ผิวขาว ที่นิยมกันมากในเครื่องสำอางตามท้องตลาดเมืองไทย เช่น อาร์บิวติน(Arbutin) กรดโคจิด (Kojic acid) วิตามินซี วิตามินบี
กลุ่มที่ 5 กลุ่มลดการอักเสบระคายเคืองผิว เนื่องจากปฏิกิริยา Oxidation ในร่างกายและอนุมูลอิสระทำให้เกิดการอักเสบขึ้น สารออกฤทธิ์ลดการระคายเคืองจึงมีความสำคัญคู่กันกับสารออกฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ ส่วนผสมผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์ลดการระคายเคือง เช่น สารสกัดจากใบบัวบก, ว่านหางจระเข้
กลุ่มที่ 6 ซึ่งเป็นกลุ่มสุดท้ายคือ กลุ่มช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิว เช่น กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid)
การจะเลือกใช้ตัวไหนดีนั้น ก็คงต้องตอบว่าใน 6 กลุ่มนี้ มีทั้งตัวที่เป็นตัวป้องกันและ ฟื้นฟูผิว ดังนั้นก็ต้องบอกว่า ขึ้นอยู่กับความเอาใจใส่ในการดูแลตนเอง อาชีพ วัย และ งบประมาณของแต่ละคนมากกว่า ที่จะทาขวดเดียวได้ทุกเรื่องเหมือนในโฆษณาน่าจะเป็นไปได้ยาก เพราะสารแต่ละกลุ่มมีค่าความเป็นกรด-ด่าง ต่างกัน มีความสามารถในการละลายและออกฤทธิ์ได้ดีในตัวทำละลายเฉพาะตัว การนำมารวมกันไว้ในหนึ่งเดียวจึงไม่น่าเป็นไปได้ โดยเฉพาะกับผลิตภัณฑ์ดูแลผิวขาวที่ใช้กับใบหน้าที่มีโอกาสแพ้ระคายเคืองได้สูงกว่าผิวตัว
ทั้งนี้ ปัญหาผิวเสื่อม ผิวหมองคล้ำ ไม่สดใส ริ้วรอยแห่งวัย เกิดได้จากหลายสาเหตุทั้งจากภายใน เช่น กรรมพันธุ์ เชื้อชาติ การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ ระดับฮอร์โมนในร่างกาย ระบบการเผาผลาญภายในร่างกาย เช่น Oxidation และการอักเสบภายในของเซลล์ผิว และจากสาเหตุภายนอก เช่น แสงแดด รังสียูวี มลภาวะ ความเครียด การสูบบุหรี่ อาหารที่รับประทาน การดูแลผิวไม่เพียงพอ และการแพ้เครื่องสำอาง เป็นต้น ยิ่งถ้าโชคร้ายไปใช้สาร พวกสารฟอกสี อย่างเช่น ไฮโดรควิโดน โมโนเบนโซน และปรอท ซึ่งเป็นสารห้ามใช้ในเครื่องสำอาง เพราะก่อให้เกิดอาการระคายเคือง และมีอาการข้างเคียงรุนแรง เข้าด้วยแล้ว คราวนี้คงต้องวุ่นวาย และ งง งวย มากกว่าแค่ขาวหรือไม่ขาวแล้วละค่ะ
หลายครั้งที่ปัญหาผิวไม่สามารถแก้ไขได้ด้วย เครื่องสำอาง ยาและทรีทเม้นท์ เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง เพราะปัญหาผิวเป็นความเสื่อมของการสร้างและซ่อมแซมผิวที่ลดลงตามวัยและถูกกระตุ้นด้วยปัจจัยต่างๆ ทั้งจากภายนอกและภายในจึงนับเป็นความเสื่อมมากกว่าเป็นโรค ผิวจึงต้องการการฟื้นฟูอย่างเป็นระบบจึงเป็นสิ่งสำคัญและคงผลดีระยะยาวได้อย่างแท้จริง
เพราะปัญหาผิวไม่ใช่เรื่องผิวเผิน...
ปรึกษาปัญหาผิวหน้าและการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์กับผู้เชี่ยวชาญเพื่อผิวที่ดีกว่า
Line : @p.th IG : @p.skincare_official Facebook : Nature Personal Skincare เล่าเรื่องผิว
Comments